วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

วิวัฒนาการศึกษาไทย


วิวัฒนาการศึกษาไทย
ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ
    การศึกษาไทยสมัยโบราณ มีบ้านวัดเป็นศูนย์กลาง
-       บ้าน เป็นสถานที่ขัดเกลาจิตใจให้สมาชิกในบ้าน
-       วัด  เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
-       พระ  มีหน้าที่อบรมสอนธรรมะให้แก่พุทธศาสนิกชน
-       ชายไทยส่วนใหญ่ นิยมบวชเรียน   
-       หญิงไทย นิยมเรียนเย็บปักถักร้อย

ประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย
      แบ่งออกเป็น  2  รูปแบบ
1. รูปแบบของผู้ชายเป็นการบวชเป็นพระ ศึกษาพระธรรและพระไตรปิฏก
2. รูปแบบของผู้หญิงเน้นการเป็นกุลสตรีที่ดี การเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี
        สถานศึกษาในสมัยสุโขทัย
1. บ้าน เป็นสถานที่เริ่มต้นของผู้ชายและผู้หญิงทุกคน โดยอบรมบ่มเพาะจากบิดามารดา
2. วัด เป็นสถานที่ที่ศึกษาสำหรับผู้ชาย ศึกษาพระไตรปิฏก จริยธรรม คุณธรรม เพื่อเตรียมตัวบวช
3. สำนักราชบัณฑิต สำหรับผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ศึกษาวิชาชีพที่สูงขึ้นมา

4. วัง สำหรับเชื้อราชวงศ์ ศึกษาเกี่ยวกับยุทธหัตถี การปกครองบ้านเมือง
ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา
         ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา แบ่งออกเป็น 2 แบบ
1. แบบทหาร ทหารเรียนเกี่ยวกับ การใช้หอก การใช้ดาบ การใช้ง้าว การศึกษาวิชาต่างๆ เรียนการขี่ช้างขี้ม้า เพื่อไปปกป้องบ้านเมือง
2. แบบพลเรือน ชายจะศึกษาพระไตรปิฏก เลข ภาษาและโหราศาสตร์ ส่วนพลเรือนหญิงเรียนไปเพื่อออกเรือนส่วนมากจะเกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อยและการทำอาหาร
         รูปแบบการจัดการศึกษาสมัยอยุธยา
1. การศึกษาวิชาสามัญ เน้นการอ่านเขียน เรียนเลข พระโหราธิบดีได้แต่งแบบเรียน ชื่อ จินดามณี
2. การศึกษาทางด้านศาสนา ชายไทยต้องบวชเรียนเขียนอ่านมาก่อน จึงมีโอการเป็นข้าราชการ
3. การศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์และวรรณคดี
4. การศึกษาของผู้หญิง มีการเรียนวิชาชีพ
5. การศึกษาวิชาการด้านทหาร

ประวัติศาสตร์สมัยธนบุรี
          ศูนย์กลางการศึกษาอยู่ที่วัด พ่อและแม่จะพาลูกไปฝากที่วัด โดยมีพระสงฆ์สอนหนังสือ
หนังสือที่ใช้เรียน คือหนังสือ จินดามณี การศึกษาด้านอาชีพ พ่อและแม่ทำอาชีพอะไรก็จะสอนให้ลูกทำอาชีพนั้น เช่น การแกะสลัก งานช่างต่างๆ
ประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์
           พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้จัดการศึกษาไว้โดยให้ชายไทยเข้าวัดเพื่อฝึกอ่านเขียนได้รู้ถึงพิธีกรรม และรู้หลักคำสอนของพุทธศาสนา ส่วนชั้นบุตรหลานนั้นเน้นการเรียนเรื่องปรัชญา เครื่องกล  แต่ในยุคสมัยนี้ ไม่ส่งเสริมให้กุลสตรีไทยได้รับการศึกษามากนักแต่ก็ยังมีบางส่วนที่อ่านออกเขียนได้
ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน
         ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน ได้เริ่มมาตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 ได้นำเอาการศึกษาทางตะวันตก มาพัฒนาการศึกษาเพื่อให้ประเทศเทียบเท่ากับชาติตะวันตก และที่สำคัญมีการเลิกทาสทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในด้านการศึกษา ปัจจุบันเด็กเริ่มหันไปสนใจติวเตอร์มากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ความสำคัญของการศึกษาในโรงเรียนลดลง แล้วครูในโรงเรียนจะมีความสำคัญอย่างไร

ประวัติการศึกษาไทยและพัฒนาการศึกษาไทย
การศึกษาของประเทศไทยในอดีต อยู่ตามบ้าน วัด และวัง
          การศึกษาในบ้าน จะเป็นการฝึกฝนด้านวิชาชีพ ความรู้สำหรับตระกูล ผู้หญิงจะเรียนวิชาชิพเพื่อที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือน
วัด เป็นสถานศึกษาสำหรับชาย ก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญทางด้านการศึกษามากนัก เน้นหนักทางด้านจริยธรรมและภาษาบาลีเพื่อเป็นการบวชเรียนต่อไป
วัง มีการสอนหนังสือสูงกว่า แต่ก็อยู่ในวงจำกัดเฉพาะพระราชวงศ์และข้าราชการในสำนัก
         พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกรุณาโปรดให้มีการสอนภาษาอังกฤษในราชสำนัก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนระบบการศึกษาจากระบบเดิมเป็นระบบตะวันตก ทรงตั้งโรงเรียนหลวง ทรงเปิดโรงเรียนพระราชตำหนักสวนกุหลาบ ในปี2427 ทรงจัดให้คนทุกชั้นมีการศึกษาเท่าเทียมกัน

ปฏิรูปการศึกษาไทย 1

          คุณภาพการศึกษาไทยที่พบเจอในโลกจริง
1. เด็กไทยอ่านออกเขียนได้ในระดับที่จำกัด
2. เด็กไทยจำนวนมากไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับสูง
3. ท่องจำแต่ไม่เข้าใจ
4. บัณฑิตไม่สามารถทำงานได้ ทำงานไม่เป็น เป็นต้น
         อะไรทำให้การศึกษาไทยล้มเหลว
1. รัฐไม่ใส่ใจจัดสรรงบประมาณให้น้อย
2. ครูเงินเดือนน้อย คนเก่งไม่มาเป็นครู
3. เด็กไทยเรียนน้อยเกินไป ไม่ขยัน
ซึ่งสาเหตุปัญหาเหล่านั้นไม่เป็นแบบนี้จริงๆ
สาเหตุ ของการล้มเหลวของการศึกษา คือ ความรับผิดชอบ
หลักสูตร การศึกษาไทยเน้นการท่องจำมากกว่าสอนให้คิดเป็น
         ทักษะมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งทักษะ มี 4 ทักษะ ดังนี้
1. ทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
2. ทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม
3. ทักษะการติดต่อสื่อสาร
4. ทักษะการใช้ชีวิต
         ระบบการประเมินที่ดี
-  โรงเรียนประเมินภายในตัวเอง
ระบบการประเมินภายนอกเป็นระบบเสริม
มุ่งเน้นการพัฒนา ไม่มุ่งเน้นการจับผิด

ปฏิรูปการศึกษาไทย 2

เป้าหมายของการศึกษาที่ดี
           การที่ประชาชนได้มีความรู้ ความสามารถในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น ต้องมีการพัฒนาอย่างน้อย 3 ด้าน
1. ความฉลาดทางปัญญา  IQ
2. ความฉลาดทางอารมณ์  EQ
3. ความฉลาดทางสังคม  SQ หรือความฉลาดทางจิตสำนึก 
  
สถานการณ์การศึกษาไทย 2557

                การวิจัยล่าสุดของ PISA เปรียบเทียบความเข้าใจการคิด การอ่านและการคำนวณ ของเด็กอายุ 15 ปี ในต่างประเทศทั่วโลกและพบว่านักเรียนไทยมีอันดับ ด้อยกว่า สิงคโปร์และเวียดนาม อีกมาก
               IQ การศึกษาเด็กไทย ในแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน จากการศึกษา นักเรียนไทยมี IQ เฉลี่ย 98 ซึ่งใกล้เคียงมากกับค่าเฉลี่ยของโลกที่อยู่ที่ 100 แต่นักเรียนจากนนทบุรีคะแนนเฉลี่ย 109 และนักเรียนจากนราธิวาสได้คะแนนเฉลี่ยเพียง  88 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการครูพันธุ์ใหม่ เมื่อเวลาผ่านไป 4 ปี  ผลการสำรวจของ PISA และการสำรวจอื่นๆยังชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเมืองไทยยังตามหลังประเทศอื่นอยู่มาก

                

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น